หลักสูตรแพทย์ประจำบ้าน อนุสาขามะเร็งวิทยานรีเวช
หลักสูตรและเกณฑ์การฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้าน อนุสาขามะเร็งวิทยานรีเวช เพื่อวุฒิบัตรแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม กองสูตินรีเวชกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
พันธกิจในการฝึกอบรม : กองสูตินรีเวชกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า มีพันธกิจสอดคล้องตามที่ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่ง ประเทศไทยกำหนด คือ
- จัดการฝึกอบรมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอนุสาขามะเร็งวิทยานรีเวช ที่ต้องอาศัยความรู้และทักษะอย่าง กว้างขวางและลึกซึ้งของธรรมชาติของโรค เทคโนโลยีการวินิจฉัยและการดูแลรักษาของโรคมะเร็งชนิดต่างๆ ร่วมกับความสามารถในการรักษาผู้ป่วยมะเร็งนรีเวชได้อย่างถูกต้องเหมาะสมตามมาตรฐานทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ และสามารถทำหัตถการที่ประณีตและซับซ้อนต่าง ๆ ได้ ตามหลักเกณฑ์โดยแพทยสภาและราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์ แห่งประเทศไทย โดยมุ่งเน้นให้มีอัตลักษณ์ของสถาบันแห่งการเรียนรู้เพื่อให้การดูแลรักษาและรองรับการบริการ สาธารณสุขเฉพาะด้านมะเร็งนรีเวช รวมถึงผู้ป่วยสูตินรีเวชทั่วไปของบุคลากรในกองทัพบก กระทรวงกลาโหมและครอบครัว รวมทั้งของประเทศ ได้อย่างเหมาะสมตามหลักมาตรฐานสากล
- ส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความสามารถในการสร้างงานวิจัยเพื่อสร้างองค์ความรู้ และสามารถ ค้นคว้างานวิจัยเพื่อสร้างองค์ความรู้ และเพื่อการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง สามารถพัฒนาไปสู่ความเป็นนักวิชาการ/ผู้ชำนาญการในอนุสาขามะเร็งวิทยานรีเวชอย่างมืออาชีพในอนาคตตามความรู้และทักษะขั้นต่ำ ตามสมรรถนะหลัก 6 ด้าน
- ส่งเสริมให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความสามารถบริหารจัดการ ให้บริการผู้รับบริการแบบองค์รวม สามารถทำงาน เป็นทีมแบบสหวิชาชีพ มีความรู้ความเข้าใจในระบบสุขภาพ กระบวนการคุณภาพและความปลอดภัยเพื่อให้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนมีความรับผิดชอบ จริยธรรม ทัศนคติ และเจตคติที่ดีต่อผู้ร่วมงาน และองค์กร เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสังคมในการบริการทางมะเร็งวิทยานรีเวช รวมทั้งสูติศาสตร์ และนรีเวชวิทยา สอดคล้องกับการบริบาลสุขภาพ อนามัยเหมาะสมกับสภาพสังคมไทย ความหลากหลายทาง วัฒนธรรม บริบทของกองทัพบกและกระทรวงกลาโหม
มาตรฐานความรู้ความชำนาญของแพทย์เฉพาะทาง : แพทย์ประจำบ้านอนุสาขามะเร็งวิทยานรีเวชที่จบการฝึกอบรมในหลักสูตรนี้ต้องมีคุณสมบัติ ความรู้ และ ทักษะขั้นตอนตามสมรรถนะหลัก 6 ด้าน ดังนี้
- การบริบาลผู้ป่วย (patient care) ได้แก่ การบริบาลโดยใช้ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางบนพื้นฐานของการ ดูแลแบบองค์รวม คำนึงถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัย รวมทั้งสามารถปฏิบัติงานในสาขานั้นได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องมีการกำกับดูแล
- ความรู้และทักษะหัตถการเวชกรรม (medical knowledge & procedural skills) สามารถทำเวชปฏิบัติได้อย่างครอบคลุมและเหมาะสมกับบริบทของสาขาวิชาที่เข้ารับการฝึกอบรม
- ทักษะระหว่างบุคคลและการสื่อสาร (interpersonal and communication skills)
- การเรียนรู้และการพัฒนาจากฐานการปฏิบัติ (practice-based learning and improvement) โดยสามารถปฏิบัติงานแบบสหวิชาชีพหรือเป็นทีมได้
- ความสามารถในการทำงานตามหลักวิชาชีพนิยม (professionalism) รวมทั้งคุณลักษณะของความ เป็นผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต (continued medical education) หรือการพัฒนาวิชาชีพต่อเนื่อง (continued professional development)
- การทำเวชปฏิบัติให้สอดคล้องกับระบบสุขภาพ (systems-based practice) มีความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับระบบสุขภาพของประเทศ ระบบพัฒนาคุณภาพการดูแลรักษาผู้ป่วย รวมทั้งการใช้ทรัพยากรสุขภาพอย่าง เหมาะสม